This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วิธีทําข้าวหมูแดง

0 ความคิดเห็น



วิธีทําข้าวหมูแดง




ข้าวหมูแดง เป็นอาหารจานเดียวที่ได้รับความนิยมกันเป็นอย่างมาก ด้วยความอร่อย ความสะดวกสบายในการรับประทาน มีข้าวนุ่มๆ หมูแดงนิ่มๆ และมีน้ำราดสีแดง รสชาตหวานๆ หาทานได้ทุกที่ ทุกซอยกันเลยทีเดียว มีวิธีทําข้าวหมูแดงมาแนะนำให้ลองเอาไปทำทานกันดูค่ะ

ส่วนประกอบและเครื่องปรุงสูตรข้าวหมูแดง

เนื้อหมูส่วนสะโพก 1 กิโลกรัม
ซอสมะเขือเทศกระป๋อง 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
เหล้าจีนสำหรับปรุงอาหาร 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
สีผสมอาหาร (สีส้มแสด) เบอร์ 735 ใส่เพียงเล็กน้อย
ข้าวสวยหุงสุก ค่อนข้างสวย
ไข่ต้ม

ขั้นตอนและวิธีทําข้าวหมูแดง

ล้างเนื้อหมูแดงให้สะอาด หมักกับซอสมะเขือเทศกระป๋อง ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว กระเทียม น้ำตาลทรายแดง น้ำมันงา เหล้าจีน และสีผสมอาหาร(เล็กน้อย)คนส่วนผสมน้ำหมักให้เข้ากัน หมักหมูทิ้งไว้ประมาณ 30 – 45 นาที หรือประมาณ 1 ชั่วโมง(ถ้ามีเวลา)
นำหมูที่หมักไว้แล้วไปย่างด้วยไฟกลาง ขณะย่างพรมด้วยน้ำหมักหมูไปด้วย ย่างพอให้ข้างในสุกฉ่ำน้ำ ผิวนอกพอเกรียมสวย ตั้งพักไว้
ปอกเปลือกไข่ต้มให้สะอาด ล้างน้ำอีกครั้ง ผ่าเป็น 4 ส่วนด้วยด้ายขึงตึง

ส่วนประกอบและเครื่องปรุงน้ำราดข้าวหมูแดง

น้ำต้มกระดูกหมู
ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำที่เหลือจากหมักหมูแดง
งาขาวคั่วให้หอม 1/2 ถ้วย
แป้งมันละลายน้ำ 1/4 ถ้วย
ขั้นตอนและวิธีทําน้ำราดข้าวหมูแดง
น้ำต้มกระดูกหมู และ น้ำที่เหลือจากหมักหมูแดงปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย ชิมรสให้ออกหวานนำนิดหน่อย สีอย่าให้แดงมากไป เสร็จแล้วเติม แป้งมันผสมน้ำ ให้เหนียว โรยด้วยงาขาวคั่ว เป็นอันเสร็จยกลงสำหรับราดหน้า (น้ำปรุงรสจะต้องทำให้อร่อย เพราะเป็นหัวใจของข้าวหมูแดง)

ส่วนประกอบและเครื่องปรุงน้ำจิ้มข้าวหมูแดง

น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
ซีอิ้วดำ 1/2 ถ้วยตวง
พริกชี้ฟ้าหั่น 1/2 ถ้วยตวง
เกลือ 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วหวาน


ขั้นตอนและวิธีทําน้ำจิ้มข้าวหมูแดง

พริกขี้ฟ้าสดหั่นหนา ๆ หรือพริกขี้หนูหั่น ผสมกับน้ำส้มสายชูแท้ มีรสเปรี้ยว ใส่ซีอิ้วดำ น้ำตาลทราย เกลือ และซีอิ๊วหวานคนให้เข้ากัน ควรทำทุกวัน อย่าให้เหลือค้างคืน

เครื่องประกอบข้าวหมูแดงหรือเครื่องเคียงข้าวหมูแดง

กุนเชียงทอด หั่นชิ้นพอคำ
ไข่ต้ม ต้องต้มให้เป็นยางมะตูม มีสีแดงสด ถึงจะน่ารับประทาน
แตงกวา หั่นชิ้นหนา ๆ 3 – 4 ชิ้น
ต้นหอม
พริกสด หั่นขวาง
กระเทียม
พริกขี้หนูสวน
 ที่มา : http://www.mythaimenu.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87/

วิธีทําข้าวขาหมู

1 ความคิดเห็น



วิธีทําข้าวขาหมู


ข้าวขาหมู เมนูอาหารจานเดียวจานโปรดของใครหลายๆคน มีวิธีการทำแลพสูตรที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาหมูสูตรขาหมูน้ำแดง , ข้าวขาหมูสมุนไพร ,ข้าวขาหมูยาจีน และที่นิยมมาคือ ข้าวขาหมูตรอกซุง ไม่ว่าจะข้าวขาหมูแบบไหนรสชาตถูกปากคนทานทั้งนั้น ลองมาทำข้าวขาหมูทำเองง่ายๆ ทานกันภายในครอบครัวกันนะคะ

ส่วนประกอบและเครื่องปรุงข้าวขาหมู
1. ขาหมู 1 ขา (ต้องเลือกขาหลัง) หรือตามจำนวนของผู้รับประทาน
2. ใบเตย เอามามัดเป็นกำ
3. กระเทียม แกะออกมาเป็นเม็ด ไม่ต้องแกะเปลือก ไม่ต้องทุบ ประมาณ 1 ถ้วย
4. ซวงเจีย (หาซื้อแถวร้านขายยาจีน) 10 กรัม
5. โป๊ยกั้ก 10 กรัมหรือประมาณ 5 ดอก
6. ไม้หอม(อบเชย) 5 ชิ้น
7. พริกไทยดำ
8. พริกไทยขาว
9. เหล้าแม่โขง ประมาณ 10 ฝา
10. โอวัลติน รสดั้งเดิม 3 ช้อนโต๊ะ
11. ซีอิ้วขาวตราเด็กสมบูรณ์ 1/4 ขวด
12. ซีอิ้วง่วนเชียง (ฝาเขียว) 1/4 ขวด
13. ซีอิ้วดำ 1 ขวดเล็ก
14. ข่า เอาเป็นหัว ไม่เอาใบ ล้างให้สะอาด ลอกเปลือกออก หั่นเป็นท่อน ห้ามทุบ
15. เกลือเม็ดประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
16. น้ำตาลปีบประมาณ 1/2 กก.
17. น้ำเปล่า 2 ลิตร

วิธีเลือกขาหมู
1. ต้องเลือกขาหลัง เพราะว่าขาหน้ากระดูกใหญ่
2. เลือกทั้งท่อน เช่นตั้งแต่อุ้งตีนหมู ที่เขาเรียกว่า “คากิ” ไปจนถึงข้อที่ 2 เกือบต้นขา ได้ขาหมูมาแล้วนะครับไม่ต้องหั่นเป็นท่อนเล็กเอาทั้งท่อนใหญ่ (เวลาซื้อชอบไปซื้อที่แมคโคร เพราะมันถูกดี เลือกได้ดีด้วย สำคัญคือ ไม่ต้องให้เขาหั่นเป็นท่อน ๆนะคะ)
3. เอามีดโกนขนออก หรือเอาไฟเผา ให้ขนมันออกให้หมด เอาให้สะอาดนะคะ ล้างให้สะอาด พักไว้ให้แห้ง

ขั้นตอนและวิธีทําข้าวขาหมู
1. ล้างขาหมูให้สะอาด พักไว้ให้แห้ง
2. นำขาหมูไปทอดน้ำมัน ใช้น้ำมันเยอะหน่อยนะคะเอาให้ท่วมหรือเกือบท่วมขาหมู ทอดจนหนังหมูเป็นสีเหลืองแก่ๆ แต่ต้องระวังไม่ให้หนังหมูไหม้
3. ตั้งหม้อต้มน้ำใส่ใบเตยที่มัดแล้วลงไป
4. เตรียมเครื่องพะโล้ใส่ถุงผ้าขาวบางใส่ลงไปในหม้อ
5. นำขาหมูใส่ลงไป เปิดไฟกลางเคี่ยวไปเรื่อยๆพอน้ำเริ่มร้อนให้ใส่โอวัลตินลงไป ใส่เหล้าแม่โขง ซีอิ้วดำ ซีอิ้วขาว ชิมให้รสออกเค็มนิดหน่อย เคี่ยวพอกลิ่นหอม ลองชิมว่ารสชาติเป็นยังไง น่าจะเค็มขึ้นนะเพราะน้ำระเหยไปพอสมควร ต้องให้น้ำท่วมขาหมูตลอดเวลานะคะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
6. ขั้นตอนนี้สำคัญ นำน้ำตาลปีบมาเคี่ยวบนกระทะ เคี่ยวให้มันไหม้ไปเลย แต่อย่าให้ดำนะคะ พอให้มีกลิ่นไหม้ ตักน้ำต้มขาหมูใส่ให้น้ำตาลมันละลายในกระทะ เคี่ยวอีกนิดหน่อย เทลงในน้ำตัมขาหมู เคี่ยวไปเรื่อยๆหมั่นตักขาหมูดูว่าเริ่มนิ่มหรือยัง
7. ลองชิมน้ำดูอีกครั้ง น้ำขาหมูจะต้องหวานนิด เค็มหน่อย ถ้ามันยังไม่มีรสชาติก็เติม ซีอิ้ว ขาว ดำ หรือน้ำตาล หรือเติมน้ำเปล่าลงไป ปรุงให้มันได้รสที่เราต้องการ
8. เคี่ยวไฟเบาๆไปเรื่อยนะคะ จนเนื้อหมูนิ่ม แต่ไม่เละ จากนั้นปิดไฟ
9. เสริฟพร้อมผักเคียง (ลวกผักคะน้าในน้ำเดือดๆ พอสุกดีให้รีบนำออกมาแช่ลงในน้ำเย็นทันที (เพื่อผักจะได้มีสีเขียวน่ารับประทาน) หรือใช้ผักกาดดองชนิดเปรี้ยวนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วเคี่ยวกับน้ำขาหมูจนนิ่ม) และน้ำจิ้มขาหมูพร้อมรับประทาน

ส่วนประกอบและเครื่องปรุงน้ำจิ้มข้าวขาหมู (สูตร 1)
กระเทียมสดปอก 1/2 กำมือ
น้ำกระเทียมดอง 15 กรัม
น้ำส้มสายชูอย่างดี 1/2 ขวด
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
พริกเหลือง 100 กรัม

ขั้นตอนและวิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดมาบดผสมให้เข้ากันโดยละเอียด

ส่วนประกอบและเครื่องปรุงน้ำจิ้มข้าวขาหมู (สูตร 2) วิธีทำเหมือนกับสูตร 1 ต่างกันที่ส่วนประกอบของน้ำจิ้มข้าวขาหมู
กระเทียมตำละเอียด 10 กลีบ
พริกเหลืองตำละเอียด 10 เม็ด
น้ำตาลทราย 1 – 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชูกลั่น 5 % 1 ถ้วย
เกลือ 2 ช้อนชา

ขั้นตอนและวิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกคล้าให้เข้ากัน
ที่มา : http://www.mythaimenu.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9/

นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า

0 ความคิดเห็น



กระต่ายกับเต่า 
.The Rabbit and The Tortoise .


มีอยู่ในวันหนึ่ง ได้มีเต่าตัวหนึ่งคลานต้วมเตี้ยม ๆ มาตามวิสัยของมัน และที่ตรงอีกทางด้านหนึ่งก็ได้มีกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งผ่านมา ทางนั้นเข้าอย่างบังเอิญด้วยความรวดเร็ว "ฮิฮิ! นี่เจ้าเต่า นายชอบ ที่จะเดินต่วมเตี้ยม ๆ อยู่อย่างนี้เสมอ ๆ ทำไมนายถึงได้เดินได้ช้าอย่างนั้นเล่า? " เต่าจึงได้พูดว่า " ถึงแม้ว่าข้าจะเดินได้ช้า แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของความอดทนแล้วข้าไม่เคยแพ้ใคร "





One day, when a tortoise was walking, a rabbit came running from the other side. "hihi!, the tortoise. You walk slowly also today. Why do you walk slowly like that?" "I walk slowly but, nobody has bigger durability than mine." said the tortoise.



" นายลองมาแข่งขันวิ่งไปที่บนยอดเขานั่นกับข้าดูเอาไหมล่ะ ? " กระต่ายเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก็หัวเราะลั่นอย่างดัง "ฮ่ะ ฮ้า น่าสนใจมาก เลยทีเดียว แต่รับรองได้ว่าไม่มีทางที่เจ้าจะ เอาชนะข้าไปได้หรอก มันเปรียบเทียบกันไม่ได้..ว่างั้น" กระต่ายเที่ยวไปเรียกพวกพ้องให้มาชุมนุมกันอย่างทันท่วงที และรวมทั้งให้เป็นกรรมการใน การแข่งขันอีกด้วย " ทุก ๆ คนมาดูเป็นสักขีพยานว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ในการแข่งขันวิ่งเร็ว ระหว่างเต่าโง่กับตัวข้า..ฮ่ะฮ่ะ "




"You may compete with me to the top of that mountain." the tortoise said. The rabbit said, laughing aloud , "ha ha, It is interesting, Although It is impossible for you to win against me." The rabbit gathered friends promptly . The rabbit had a plan to give a disgrace and laugh at the tortoise. "Everybody, please look at the result of which one run fast in this dull tortoise and me ha ha."



" เตรียมพร้อม !,ไป " พอสิ้นเสียงบอกสัญญาณเริ่มการแข่งขันโดยสุนัขจิ้งจอก แล้วทั้งเต่าและกระต่ายก็เริ่มออกวิ่งไปพร้อม ๆ กัน " ปิย้อง ปิย้อง " กระต่าย กระโดดออกวิ่งนำหน้าไปด้วยความเร็วสูง เผลอแผลบเดียวมันก็วิ่งมาจนถึงที่ตรงจุดกึ่งกลาง ของทางระหว่างภูเขา มันจึงได้หยุดวิ่ง " เจ้าเต่ามันมาถึงไหนแล้วล่ะ ? " พูดแล้วมันก็ได้หันไปดู และก็ได้เห็นว่าเต่านั้นยังคงคลานตามมาอย่างช้า ๆ มองเห็นไกล ๆ




"Ready !, Go!" The tortoise and the rabbit started with the shout of a fox, simultaneously . "Pyon!Pyon!Hyew" The rabbit ran at uncanny speed. And, the rabbit had reached to the middle of a mountain in a moment . "Where is the tortoise?" When the rabbit looked back, the tortoise was walking far after .



พวกผู้ชมที่มาชุมนุมกันต่างก็หัวเราะและได้พูดว่า " ท่านเต่า..ท่านเต่า ท่านนี่ ช่างเป็นผู้ที่เดินได้ช้ามาก อาจที่จะพูดได้ว่าเดินได้ช้าที่สุดในโลกเลยก็ได้..ฮ่ะฮ่ะ " แม้ว่าจะได้ยินแบบนั้นแต่เต่าก็ไม่สนใจอะไรยังคงคลานของมันต่อไปด้วยความเงียบสงบอย่าง ตั้งใจเพื่อที่จะให้ไปถึงที่บนยอดเขาโดยไม่คิดที่จะหยุดพักผ่อน ข้างฝ่ายกระต่ายเมื่อรอเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าเจ้าเต่าจะตามมาทันมันสักที...มันจึงเริ่ม นึกเบื่อกับการรอคอย " เจ้าเต่ามันยังคงคลานอยู่อีกตั้งไกล นอนรอซักงีบหนึ่งคงได้.. ถึงยังไงมันก็ไม่มีทางที่ตามมาทันได้หรอก" มันพูดแล้วก็ล้มตัวลงนอน แล้วหลับไปตรง ที่กลางทางตรงภูเขานั่นเอง


The audience laughed at him together, saying "Tortoise, tortoise, you are slowest in the world..ha ha." The tortoise was still walking aiming at the top of a mountain without doing a rest . The rabbit was tired of waiting, "The tortoise is yet far, I will also still do a nap for a while." He fell asleep at the midway of the mountain.



ในขณะที่กระต่ายกำลังหลับอยู่อย่างสนิท เต่าซึ่งได้เดินมาอย่างไม่คิดที่ จะหยุดพักผ่อนนั้น " ถึงแม้ว่าขาของข้าจะสั้นเดินได้ช้าก็จริงแต่เรื่องของ ความอดทนแล้วข้าไม่เคยยอมแพ้ให้ใคร ข้าจะต้องทำดีที่สุดเท่าที่ข้าจะทำได้!" หลังจากที่ในขณะที่เต่าได้เดิน มาจนถึงที่ตรงจุดกึ่งกลางของภูเขา พลันมันก็ได้ ยินเสียงหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนกับเสียงกรนจากในที่แห่งหนึ่ง " เสียงกรนที่ไหนนี่... อะฮ้า เจ้ากระต่ายนี่ มันมาแอบนอนหลับอยู่ที่นี่เอง"






While the rabbit was sleeping, the tortoise is continuing walking without a rest . "Although I am a dull foot, I don't lose at durability to anybody . I will do my best!" After a while , when the tortoise came in the mountain, he heard a snore from some where. "What?, a snore is heard. Ah!, the rabbit is sleeping there."



ที่ใกล้ ๆ ตรงนั้นกระต่ายกำลังนอนหลับอยู่อย่างสุขสบาย ส่วนเต่านั้น ยังคงที่จะ เดินต่อไป...ทีละก้าว..ทีละก้าวอย่างจริงจังและอดทน และแล้วหลังจากนั้นชั่ว ขณะหนึ่งกระต่ายก็เริ่มรู้สึกตัวและสะดุ้งตื่นขึ้นมา " เฮ้..นี่เจ้าเต่า มันคลานมาจนถึงที่ไหนแล้วนี่?? " มันรีบกวาดสายตามองหา แต่ก็ช้าและสายไปเสียแล้ว เพราะเมื่อมันมองไปที่ตรงจุดเส้นชัยที่อยู่บนยอดเขาโน่น มันก็ได้เห็นว่าเจ้าเต่ากำลังแสดง ความยินดีที่ได้รับชัยชนะอยู่อย่างมีความสุข..อยู่ในขณะนั้นเสียแล้ว




Near the rabbit which is sleeping well , the tortoise walked step by step earnestly. After a while, the rabbit woke up at last. "Hee ! Where is the tortoise?" He looked for the tortoise, but he could not find it anywhere. when he noticed and looked at the top of a mountain, the tortoise was showing cheers there.


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

     "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น เหมือนอย่างที่เต่าได้พบนะคะ"
let's have the perseverance which can work steadily like the tortoise. .

ที่มา : http://sukumal.brinkster.net/isoppu/kametousagi/usagi01.html

เพลงลมเปลี่ยนทิศ

0 ความคิดเห็น


เพลง ลมเปลี่ยนทิศ

เนื้อเพลง: ลมเปลี่ยนทิศ
ศิลปิน: Big Ass
อัลบั้ม: Ep แดนเนรมิต

ใบไม้หล่น เมื่อลมพัดผ่าน
เป็นสัญญาน แห่งความผันเปลี่ยน
ทุกๆ สิ่งคือความหมุนเวียน ไม่เที่ยงแท้
ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพียงเพื่อฉุดให้เธอไม่ไป
ในที่สุดก็คงต้องหยุด และยอมแพ้

ใจของคนหนอคน
ก็ไม่รู้จะห้ามยังไง ให้ลมไม่เปลี่ยนทิศ
และชีวิตชีวิตจะห้ามยังไงให้เธอไม่ไป ไม่มีทาง

เรามาไกลเท่านี้ก็ดีเหลือเกิน
ขอบใจนะที่เคยมีกัน
มันถึงเวลายอมรับความจริง
เรามาไกลเท่านี้ ก็เกินที่ฝัน ตั้งเท่าไร
เมื่อชีวิตคือความเป็นไป
สุดท้ายก็ต้องจากกัน เท่านั้นเอง

ชีวิตหนึ่งกำลังเริ่มใหม่ ชีวิตหนึ่งกำลังว่างเปล่า
ความรู้สึกช่างทรมาณและโหดร้าย
ทำได้เพียงแต่ยอมรับมัน แม้ต้องเจ็บจะยอมเข้าใจ
คงไม่มีอะไรเหมือนเดิม อีกต่อไป

ใจของคนหนอคน
เมื่อสุดท้ายจะห้ามยังไง สายลมย่อมเปลี่ยนทิศ
และชีวิตชีวิตจะห้ามยังไงก็ต้องเปลี่ยนไป ไม่ต่างกัน

เรามาไกลเท่านี้ก็ดีเหลือเกิน
ขอบใจนะที่เคยมีกัน
มันถึงเวลายอมรับความจริง
เรามาไกลเท่านี้ ก็เกินที่ฝัน ตั้งเท่าไร
เมื่อชีวิตคือความเป็นไป
สุดท้ายก็ต้องจากกัน เท่านั้นเอง

ผ่านพบเพียงมาเพื่อจากกัน เท่านั้นเอง
ที่มา : http://lyrics.in.th/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87-%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A8-big-ass/

วิธีการทำน้ำเก๊กฮวย

1 ความคิดเห็น




                         
น้ำเก๊กฮวย

       น้ำเก็กฮวย(หรือน้ำเก๊กฮวย) ทำมาจากดอกเก็กฮวยซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศจีน อยู่ในตระกูลเดียวกับเบญจมาศ บางคนก็เรียกว่าเบญจมาศสวนหรือเบญจมาศหนู น้ำเก็กฮวย เป็นน้ำสมุนไพรที่หลายๆ คนชื่นชอบ


วีธีทำน้ำเก็กฮวย

       1.เอาดอกเก็กฮวยแห้ง 5-10 ดอก ลงไปในหม้อกับน้ำประมาณ 2 ลิตรต้มนาน 5 นาที

       2.กรองเอาดอกเก๊กฮวยออก

       3.เติมน้ำตาลเพิ่มความหวานได้ตามใจชอบ หรือจะใส่ใบเตยเพิ่มความหอมลงไปด้วยก็ยิ่งดี

หมายเหตุ   ถ้าจะไม่เติมน้ำตาล เพียงเติมน้ำร้อนใส่แล้วดื่มเป็นชาเก็กฮวยก็ได้เหมือนกันค่ะ แล้วแต่ชอบนะค่ะ


ประโยชน์ของน้ำเก๊กฮวย

         **เป็นยาเย็น ดับพิษร้อน แก้ร้อนใน

       **เป็นยาแก้ปวดท้องและช่วยระบาย


       **ช่วยขยายหลอดเลือดแดงใหญ่ที่เลี้ยงหัวใจ จึงช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดต่างๆ เช่น โรคความ
ดันโลหิตสูงโรคเส้นเลือดตีบ และโรคหัวใจได้
          **ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
          **ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจล้มแหลว
       
          **ป้องกันโรคความดันสูง
          **แก้อาการไข้ แก้ไอ
          **บำรุงตับ
          **แก้ร้อนใน
          **แก้เวียนหัว หน้ามืด
                                     
ที่มา : http://tonpalmkanokan-healthy.blogspot.com/2012/05/blog-post_08.html

เทคนิคการออมแบบง่ายๆ

0 ความคิดเห็น



เทคนิคการออมแบบง่ายๆ

แยกรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วดูว่ามีเงินคงเหลือเท่าไหร่

          สาเหตุที่ต้องคำนวนเงินคงเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นออกไปก่อนหลังรับเงินเดือนมา นั่นก็เพราะว่าคุณจะได้ทราบตัวเลขที่แน่นอนว่ามีเงินคงเหลืออีกจำนวนเท่าไหร่ เพื่อจะได้นำไปจัดสรรปันส่วนระหว่างเงินที่ต้องเก็บ และเงินที่สามารถใช้ได้อีกครั้งหนึ่ง

 พิจารณาดูว่าควรออมเงินแบบไหน

          คุณควรหันมาสังเกตการใช้เงินในแต่ละเดือนดูบ้าง ว่ามีการใช้จ่ายมากขนาดไหน และในอนาคตมีแผนนำเงินไปลงทุนอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้เลือกฝากเงินกับทางธนาคารตามประเภทบัญชีที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่น ผู้ที่มีความคิดจะเก็บเงินซื้อบ้าน อาจต้องเลือกฝากเงินแบบฝากประจำ ทั้งนี้ก็เพื่อบังคับตัวเองให้นำเงินไปฝากตามข้อตกลงที่ได้ทำไว้

 แบ่งเงินใช้จ่ายตามความเหมาะสม

          เมื่อไหร่ที่ได้รับเงินเดือนมาแล้ว ขอให้คุณแบ่งเงินเอาไว้เลยสำหรับเงินเก็บส่วนหนึ่ง และเงินสำหรับใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น เพื่อให้คุณรู้สัดส่วนจำนวนเงินที่สามารถใช้ได้จริง โดยไม่ต้องไปแตะต้องกับเงินส่วนที่ออมไว้


 ทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย

          แม้ว่าจะเป็นวิธีที่ดูจุกจิกและอาจทำให้หลาย ๆ คน เบื่อกับการต้องมานั่งจดบันทึกว่ามีรายรับ - รายจ่ายมากน้อยขนาดไหน แต่มันจะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนว่า ในแต่ละวันคุณหมดเงินไปกับอะไรบ้าง หากพบว่าเงินที่ใช้ดันหมดไปกับสิ่งของที่ไม่จำเป็น คราวหน้าจะได้ไม่ซื้ออีก


ลองทำกันดูนะคะ เทคนิคการอดออมเงินที่นำมาฝาก  ถ้าทำจริงต้องได้ผลแน่ๆคะ ประหยัดอดออมในวันนี้ เพื่ออนาคตที่มัั่่นคงในวันหน้าค่ะ  ช้อปปิ้งได้นะคะสาวๆ แต่อย่าเพลินจนเงินในประเป๋าหมดนะคะ

ที่มา : http://blog.eduzones.com/parttime1/100325

เค้กมะพร้าวอ่อน

0 ความคิดเห็น


เค้กมะพร้าวอ่อน 


วันเวลาผ่านไปรวดเร็วมาก ๆ เลยนะปีที่แล้วยังหัดทำเค้กเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อนอยู่เลย 
และแล้วก็มาบรรจบครบรอบอีกหน สำหรับบล็อกนี้ยังเป็นเค้กมะพร้าวอ่อนแต่งด้วยวิปครีมหวานเบา ๆ 
ปุ้มว่ามันเข้ากันมาก ๆ ..มากกว่าบัตเตอร์ครีมที่เคยทำปีที่แล้วซะอีก 
ชิฟฟอนยังคงยึดสูตรจากแม่สลิ่ม ส่วนไส้สูตรมะพร้าวอ่อนลองเปลี่ยนไปใช้สูตรของคุณลูกปลา 
จดลงสมุดนานมากแล้วซึ่งจริง ๆ อัตราส่วนก็ไม่ต่างกันแต่อันนี้จะหวานเบา ๆ และมันด้วยวิปปิ้งครีม
โดยรวมแล้วทั้งชิฟฟอนและครีมมะพร้าวอ่อนลงตัวกันมาก ๆ สำหรับคนไม่ชอบหวานแบบเรา
รอบนี้มีคนช่วยคอนเฟิร์ม 4 รายบอกว่า "อร่อย เค้กเบานุ่ม รสเข้มข้นแต่หวานกำลังดีค่ะ"
ใคร ๆ เค้าทำกันไปหมดแล้วแต่เผื่อว่าใคร ๆ อีกหลาย ๆ คนที่เพิ่งหัดทำเบเกอรี่
ก็จะมายืนยันอีกเสียงว่าเป็นเค้กที่รวมกันจากหลายสูตรแล้วอร่อยและดีจริง ๆ 

ช่วงนี้ขี้เกียจจัดฉากถ่ายภาพ-ย่อภาพ เขียนบล็อกนี้แบบปะติดปะต่อกันก็หลายชั่วโมง
จึงขอแป๊ะลิงค์และภาพประกอบบางส่วนไว้ให้ผู้ที่สนใจก็แล้วกันนะคะ 

ลิงค์นี้เป็นขั้นตอนชิฟฟอนเค้กที่มีอัตรา-ส่วนผสมและขั้นตอนทำรายละเอียดไว้แล้วค่ะ สนใจฝึกด้วยตัวเองก็คลิ๊กเข้าไปดูได้ เค้กใบเตยมะพร้าวอ่อนสูตรแม่สลิ่ม 



ส่วนผสมไส้มะพร้าวอ่อน สูตรของคุณลูกปลา 

- แป้งข้าวโพด 20 กรัม
- น้ำตาลทราย 50 กรัม
- ผงวุ้น 1 ชช
- เกลือป่น ¼ ชช
- นมข้นจืด 150 กรัม
- วิปปิ้งครีม 150 กรัม
- เนยสดชนิดเค็ม 25 กรัม
- เนื้อมะพร้าวอ่อน 3 ลูก 

สำหรับวิปครีมใช้สูตรวิปครีมจาก Strawberry Cake Roll สูตรของพี่ภัส (นางฟ้าของชาลี) 

- วิปปิ้งครีม 200 ml.
- น้ำตาลทราย 15 กรัม
วิปครีมเค้กม้วนที่เคยหัดทำในบล็อกนี่แหละค่ะ
แต่วันนี้ใช้วิปปิ้งครีมราว ๆ 3 ถ้วยตวงเพิ่มน้ำตาลจากสูตรอีกเล็กน้อยหวานไม่มากแต่หวานกำลังดี


แต่


ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tabtimsiam&month=10-2012&date=26&group=9&gblog=57

 
S'mindly © 2012 | Designed by Meingames and Bubble shooter